สวัสดีครับผมชื่อ เก่ง อายุยี่สิบปลายๆ ทำงานกรมทางหลวงชนบท เพราะต้องคุมงานตามต่างจังหวัด ทำให้ห่างแฟนจนเขาบอกเลิก เรื่องที่จะเล่านี้เกิดเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา ผมคุมไซต์งานสร้างถนนเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งจังหวัดน่าน ทางที่สร้างลัดเลี้ยวไหล่เขา แค๊มป์ที่พักและสำนักงานชั่วคราวตั้งใกล้หมู่บ้านเล็กๆ มีไม่ถึง 20 หลัง ส่วนใหญ่มีแต่ คนแก่ เด็ก คนหนุ่มสาวไปทำงานในเมือง คนในหมู่บ้านดีกับพวกผมมาก คงเพราะเราไปสร้างถนนให้พวกเขาได้เดินทางสะดวก โปรเจคนี้คงต้องอยู่ที่แค็มป์นี้เกือบสองปีระยะทางเป็นร้อยโลแม๊วววว สี่เดือนก่อนครูน้อยโรงเรียนประจำหมู่บ้านรถคว่ำ ต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ไม่รู้หัวหน้าผมกับครูใหญ่กินเหล้ากันอีท่าไหน ดันไปตบปากรับคำให้ผมไปช่วยสอนวิชาเลขให้เด็กๆ ตอนเย็นๆ แทนครูคนนั้นชั่วคราว ในบรรดานักเรียน ผมชอบนักเรียนคนหนึ่งชื่อ ปุย อยู่ ป.6 แต่อายุ สิบสี่กว่า (คงเรียนช้า) ผิวขาว สูงเพรียวประมาณ 160 ซม. เริ่มมีหุ่นทรวดทรง ก้มๆ เงยๆ มองลอดชุดนักเรียนคอบัวแล้วเห็นเนินซาลาเปาลูกพอเหมาะ ปุยอยู่กับยายสองคน แม่เธอทำงานในกรุงเทพ ด้วยเหตุที่เธอโตสุดในห้องและหัวดี ผมเลยให้เธอช่วยสอนคนอื่นๆ และฝากให้ทำโน่นทำนี่ ช่วงหลังผมกับปุยสนิทกัน ผมมักแอบมองเธอ ซึ่งเธอก็รู้และจะยิ้มตอบแบบอายๆ ซึ่งก็น่ารักไปอีกแบบ ปีใหม่ที่ผ่านมาคนงานกลับบ้าน หัวหน้าเห็นผมโสดเลยให้ผมเฝ้าแค๊มป์ แกทิ้งชีวาสให้ผมสามขวด คนในหมู่บ้านกลับมาช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ ครึกครื้น เย็นวันที่ 31 ผู้ใหญ่บ้านจัดงานเลี้ยงให้ลูกบ้านที่สนามโรงเรียน ผมเอาเหล้าไปฝากผู้ใหญ่ขวด ครูใหญ่ขวด อีกขวดกะเก็บไว้กินเอง เป็นงานเล็กๆ ประมาณสิบกว่าคนมานั่งล้อมวง บางบ้านแวะมาแบบกึ่มๆ มาชนแก้ว มาคุยกัน แล้วก็ตระเวรไปบ้านอื่นต่อ เด็กๆที่ว่างก็มาช่วยจัดเตรียมช่วยเก็บล้าง รวมถึงปุยด้วย แม่เธอไม่กลับ หลังจากเคาท์ดาวน์ ประมาณตี่หนึ่งกว่า ผมขอตัวผู้ใหญ่กับที่พักตั้งใจจะตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ผมกางเต้นท์เลยแค๊มป์ไปสักสี่ห้าโล เป็นลานกว้างยื่นไปเป็นชะง่อนเขา”เฮ้ย หนุ่มขับกลับไหวเหรอ รถจอดไว้เนี่ย เดี๋ยวให้เด็กขี่รถเครื่องไปส่ง” ครูใหญ่ตะโกน”ไหวครับ” ผมเดินโซเซ แต่ยังมีสติ “ไม่ดีม๊าง เออ ปุย ขี่รถไปส่งครูที” ครูใหญ่หันซ้าย หันขวาเห็นปุยกำลังนั่งเล่นกับเด็กๆ รอบกองไฟย่างหมู แต่กำลังมองผมที่เดินโซเซ”เอ่อ ไม่เป็นไรจริงๆครับ” แต่ในใจผมอยากใกล้ ปุย เหมือนกัน “แต่ก็ดีครับ”ผมยกมือไหว้ครูใหญ่ ผู้ใหญ่บ้าน และลุงสองสามคนที่นั่งในวงแล้วเดินโซเซ ปุยรีบก้าวเท้าจ้ำไปที่รถเครื่อง “ครูเมาเปล่า” ผมนั่งคร่อมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์หลังปุย กลิ่นสาวแรกรุ่นเคล้ากลิ่นแป้งผุ่นโชยแตะโพรงจมูกผม”หนูว่าครูเมานะ” เสียงใสๆตะโกนแข่งเสียงเครื่อง “อือ นิดหน่อย” ผมบอก “วันนี้ครู…มองหนูบ่อยจัง””เหรอ คงเพราะครูเห็นปุยเป็นสาวแล้วมั๊ง …สวยด้วย แล้วชอบไหมที่ครูมอง” ก็คงจริงเพราะวันนี้ปุยสวยกว่าทุกวัน ไม่มีเสียงตอบอะไร ปุยเร่งรถเครื่องให้เร็วขึ้น ลมหนาวปะทะจนหนาวจับใจ “ค่อยๆ ขับสิ ครูหนาว” ผมตะโกนจากท้าย “ไม่งั้นครูกอดนะ” ผมตะโกนข้างหูที่มีผมุยสยายตามแรงลม ปุยกลับเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น ผมเลยโอบเอวเธอ สูดกลิ่นสาวแรกรุ่นจนชุ่มปอด เลือดชายโสดครุกรุ่น หยาดน้ำเล็ดซึมชุ่มในกางเกงในผม เมื่อมาถึงแค๊ปม์ ผมนึกขึ้นได้ว่า กางเต้นท์ไว้ที่เวิ้งบนไหล่เขา ห่างจากแค๊มป์ไปประมาณสี่โลแม๊ววว ปลายถนนที่กำลังทำ ตั้งใจจะไปดูทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า “เออ ปุย โทษที ครูลืมไปว่า ครูเอาเครื่องนอนครูไปไว้ปลายถนนโน่น กางเต็นท์ไว้ ตั้งใจไปดูทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น” ผมตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ แต่ก็คิดถึงแผนสวมรอยต่อ “ทะเลหมอกเหรอค่ะ ปุยอยากเห็นจัง ไม่เคยได้ขึ้นไปดูเลย พรุ่งนี้ปุยมาดูด้วยนะคะ” ปุยทำหน้าตื่นเต้น “ได้สิ แต่ไปส่งครูก่อนได้ไหม จะได้รู้ทางด้วย เผื่อพรุ่งนี้จะขับขึ้นมา” ตลอดทางที่ผมซ้อนท้ายปุย ผมคิดวางแผนการ ว่าจะทำยังงัยให้คืนนี้ผมมีสาวกอดแก้หนาว เมื่อถึงที่ผมกางเต๊นท์ไว้ ปุยดับเครื่องปิดไฟหน้ารถ มีแต่แสงดาว”โห ครูสวยจังค่ะ” ปุยจอดรถเดินไปที่ผมกางเต๊นท์ ที่หันไปทางหุบเขาที่ลาดลงไป แสงไฟตามหมู่บ้าน ตามถนน เบื้องล่างระยิบระยับ”ครู ดาวตก” ปุยชี้ให้ผมดู “มานั่งดูก่อนไหม พักหน่อยขี่ขึ้นมาลำบากให้รถพักด้วย” ” ผมเปิดไฟฉายเดินเข้าในเต็นท์ หยิบถุงนอนผืนหนา กับเสื่อมาปูหน้าเต้นใต้แฟร์ชีทที่ยื่นกันน้ำค้างหน้าเต้นท์ “หนาวไหม” ผมถาม”หนาวค่ะ เนี่ยขับรถมามือเย็นหมดแล้ว” ปุยถูมือตัวเองเข้าด้วยกัน”อือ จริงด้วย” ผมจับมือเธอมากุมไว้แล้วพ่นลมอุ่นใส่มือเธอ “ดีขึ้นยัง””ค…ค่ะครู” เธอกึ่งๆชักมือออกเมื่อปากผมจุมกับหลังมือเธอ”อะ แก้หนาว เคยกินบ้างเปล่า” ผมล้วงเป้ที่หยิบมาจากในเต็นท์ ที่มียื่นขวดเหล้าชีวาส “ไม่เคยค่ะ” ผมเทเหล้าลงแก้วพสาติกที่เตรียมไว้”ลองดู ไม่เมาหรอก อากาศแบบนี้ แก้หนาวด้วย เดี๋ยวขับรถลงไปแข็งตาย” ผมคะยั้นคะยอ ปุยรับมาแก้วมาแล้วจิบ”หือ…..” เธอรีบกลืนเหล้าอึกแรกลงคอ ตาโต”ใครเขาให้กินเข้าไปเต็มปากอย่างนั้น ค่อยจิบสิ” ผมหยิบแก้วเหล้ามาจิบ”แต่อุ่นดีนะคะ ร้อนท้องเลย” เธอยิ้ม “พระอาทิตย์ขึ้นตรงไหนค่ะ””ก็ตรงทิศนี้แหล่ะ” ผมชี้ไป ผมดูนาฬิกา “อือนี่ก็ตีสามละ เดี๋ยวก็เช้า รอดูพระอาทิตย์ขึ้นเลยไหม””เออ…” “เอาน่า เดี๋ยวครูโทรบอกครูใหญ่ให้ไปบอกยาย เต็นท์ก็ใหญ่เดี๋ยวนอนกันคนละข้าง” ผมแกล้งกดโทรหาครูใหญ่”สงสัยเมาหลับไปละ ไม่รับสาย เดี๋ยวตอนเช้าครูโทรให้อีกทีนะ” ผมยกแก้ว แล้วยื่นให้ปุย “อะอีกอึกแก้หนาว ค่อยๆ ล่ะ” ผมยื่นแก้วให้ปุย”ครูยังไม่มีแฟนเหรอค่ะ ไม่เห็นครูกลับบ้านบ้างเลย” ปุยรับแก้วเหล้าจากผม กลืนเหล้าลงคออีกหนึ่งอึกเล็กๆ “เอ่อ ก่อนนี้เคยมี แต่เราไม่ค่อยได้เจอกัน เขาก็มีคนใหม่” ผมทำเสียงเศร้าๆ”แล้วครู คิดถึงเขาไหมค่ะ””ไม่แล้วล่ะ เพราะตอนนี้พี่มีคนชอบอยู่แถวนี้” ผมเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองดีกว่า มันกระดากไปที่จะเรียกตัวเองว่าครูปุยอมยิ้มก้มหน้าเขินๆ “รู้ไหมใคร…” ปุยส่ายหัวแต่ยังอมยิ้ม ผมเขยิบเข้าใกล้”ปุยงัย” ยิ่งเห็นปุยอายผมยิ่งกล้าเข้าไปโอบไหล่”ปุยเป็นสาวนะ สวยด้วย” เห็นหน้าเอียงอายของปุยแล้วอยากหอมสักฟอดแต่ต้องไม่ผลีผลาม “หนาวไหม เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้ามาคลุมนะ” ผมมุดเข้าไปในเต้นท์ คว้าผ้าห่ม แล้วนั่งหลังปุย”หือ ครู…..” ปุยหันมองผมที่กำลังอ้าหว่างขาตัวเองเขยิบเข้าหาเธอ”แบบนี้อุ่นดี” ผมเขยิบสะโพกเพื่อให้ใกล้ปุยมากขึ้น โอบกอดเธอจากด้านหลัง”อุ่นไหม” ผมกอดเธอแน่นขึ้น เป้าผมห่างจากก้นกบเธอไม่ถึงคืบ แท่งทวนผมตื่นตัวจนแทบระเบิด”ค..ค่ะ” ปุยอมยิ้ม”สวยไหม นั่นน่ะเมืองนะ เข้าใจว่าตรงนั้นเป็นหมู่บ้านที่ปุยอยู่” ผมชี้ไปมุมซ้าย ผมดึงร่างปุยให้พิงแผ่นหลังเธอพิงแผ่นอกผม หัวเธอซบที่ไหล่ แล้วผมก็ปล่อยให้มีแต่เสียงลมปะทะกิ่งสนเสียงดังแว่วดังน้ำไหล ผมยกแก้วเหล้าจิบ สลับยื่นให้เธอ อย่างไม่รีบร้อน นานจนผมแน่ใจว่า ทั้งผมและเธอเริ่มคุ้นเคยกับสถานที่ ใต้เงาจันทร์ ผมโอบร่างเธอแนบกับแผ่นอก เขยิบตัวแนบแผ่นหลังเธอมากขึ้น มือผมลูบไล้ตามหน้าท้อง สีข้างผ่านเสื้อยืดร่าง ผมสัมผัสตุ่มขนที่ลุกซูตามแขนขาวของปุย ผมชอนไชหน้าผมกับต้นคอขาวปากพรอดพร่ำความน่ารัก ความสวยของปุยจากใจจริง กลิ่นสาวโชยกลิ่นตามความหื่นที่ผมบรรเลงซุกไซ้”ปุยสวยจัง ขอหอมทีนะ” ผมโอบแขนรัดหน้าท้อง ตรงลิ้นปี่ใต้ราวนมเธอ”อือ…ครูขา พอเหอะ เดี๋ยวใครเห็น” ปุยเบี่ยงหน้า เอี่ยวตัวเล็กน้อยนมสองลูกเน้นพูนนูนในเสื้อยืด ผมชำเลืองสองเต้าขณะยื่นหน้าเพื่อแนบปากกับแก้มเธอ ด้วยเหล้าเพียวไปเกือบสิบยก เด็กสาวคอไม่สามารถดิ้นหลุดจากอ้อมกอดผมได้ ผมยังแนบปากผมกับแก้มนิ่มๆเธอ แม้เธอจะเอียงหน้าหนี ยิ่งทำให้ปากผมเลื่อนไถลงมที่เชิงกราม คอขาวๆ สะท้อนเงาจันทร์ ผมสูดดมกลิ่นเด็กสาวเข้าปอดอยู่หลายฟอด ลมหายใจผมที่รินรดต้นคอคงทำให้เธอเสียว สยิวไม่น้อย ตุ่มขนลุกเกรียวตามแขนที่กำลังเกาะกุมต้นขาผมอยู่”อืม…พี่รักปุยนะ” ผมดูดกลิ่นต้นคอเธอเข้าเต็มปอด ซุกไซร์ต้นควานกลิ่นหอม ท้ายทอยปุยวางบนไหล่ผม ผมปลดซิบเสื้อหนาว ล้วงมือจากด้านล่างชายเสื้อ สองมือทั้งสองข้างของปุยเกาะหัวเข่าผมไว้ทั้งสองข้าง ผมล้วงมือทั้งสองข้างลูบคลำหน้าท้อง”ครู ขา” คงเพราะความเย็นจากฝ่ามือผมที่ลูบไล้หน้าท้องทำให้ปุยสะดุดความเคลิ้มเสียวที่ผมกำลังป้อนให้ เธอเอียงตัวมองผมเหมือนต้องการความมั่นใจ ผมมองตาเธอที่ประกายหยาดเยิ้มสะท้อนแสงจันทร์ ผมเสยปอยผมที่ปลิวปิดตาเธอแล้วยิ้ม ผมจ้องตาเธอที่ดูหวั่นๆ “ปุย…กลัว””ไม่ต้องกลัวนะ” ผมยื่นหน้าชิดใกล้หน้าปุย แววตาปรือเธอพริ้มหรี่ เงยหน้าประหนึ่งรอริมฝีปากจากผม เมื่อริมฝีปากผมแนบกับริมฝีปากเธอ เสียงครางเล็ดจากลำคอ ผมบรรจงบดริมฝีปากผมกับของเธอ จากแผ่วเบาเป็นบดขยี้ มือข้างหนึ่งของเธออ้อมมาประคองที่ท้ายทอยผม ผมคืบฝ่ามือข้าหนึ่งของผมจากหน้าท้องเธอมากลางอกแล้วเลื่อนไปกุมเต้าข้างหนึ่งของเธอ ขณะที่มืออีกข้างอ้อมปลดตะขอเสื้อในตัวจิ๋วกลางแผ่นหลัง ปากผมยังคงผลัดดูดเม้มริมฝีปากปุยสลับไปมา พยายามแทรกลิ้นชอนไช ชำแรกเรียวปากสาวรุ่น เมื่อตะขอเสื้อในเธอหลุด ผมกุมสองเต้าเธอด้วยสองมือผมแนบร่างเธอจนแผ่นหลังเธอแนบชิดแผงอกผม เสียงจ๊วบจั๊บที่เกิดจากปากผมกับเธอดูดกันดังแผ่วสลับกับเสียงใบไม้ต้องสายลม ฝ่ามือที่คลึงสองเต้าเธอจนหัวนมแข็งสะกิดอุ้งมือผม เป็นสัญญาณให้ผมเลื่อนฝ่ามือข้างหนึ่งล้วงเข้าขอบกางเกงในที่อยู่ในกางเกงวอร์ม ขาที่หนีบเข้าหากันแยกออกเล็กน้อย ตามแรงจากมือผมที่พยายามชำแรกหว่างขา ผมจินตนาการถึงขนบนเนินอุยเส้นเล็กไม่ดกตามที่ฝ่ามือผมได้สัมผัส ร่างเธออ่อนมือที่เคยประคองท้ายทอยผมถูกทิ้งลงข้างตัว ผมเปลี่ยนมือข้างที่โอบกุมเต้านมเธอเป็นโอบกอดเธอแทน ในขณะที่มือข้างที่ล้วงข้างล่าง พยายามแทรกปลายนิ้วกลางเข้าร่องที่ชุ่มด้วยน้ำเมือก หน้าขาปุยแยกออกกว้างขึ้นทำให้ผม ควานหาติ่งละมุดแล้วสะกิด เขี่ยเบาๆ ถี่ๆ ผมสะกิดร่องน้ำอย่างใจเย็น ค่อยๆทำ นิ้วผมพริ้วอยู่แล้ว แฟนผมกี่คนๆ ก็ต้องเสร็จให้กับนิ้วผมตอนรถติด (สมัยอยู่กรุงเทพ)” ครู….หนู” เสียงกระเส่ารอดจากปากปุย เธอเอียงหน้าซบบนไหล่ผม ริมฝีปากเธอเม้มอย่างได้อารมณ์ ผมได้แต่มองดูหน้าลูกศิษย์สาววัยขบเผาะที่กำลังขึ้นสวรรค์ด้วยปลายนิ้วผม “ครู หนู …อึ๋อ ๆ ๆ ” เสียงครางถี่ขึ้น ลมหายใจเธอรดกับซอกคอผม มือเธอจับที่แขนผมแน่น ร่างเกร็ง ผมรู้สึกว่ามือผมที่ล้วงหว่างขาเธอมันเปียก ถูกชโลมด้วยน้ำเสียวที่หลั่งจากร่องที่เต้นบีบนิ้วผม”ครู รังแกปุย” เสียงกระเซ้าปนเสียงหอบ เธอเสร็จด้วยนิ้วผมบนตัก ผมกอดเธอไว้ ปากพรมหอมหน้าผาก แก้ม และจูบปากเธอ เธอดูดปากผมกลับอย่างดูดดื่ม มันต้องถึงเวลาของน้องชายผมบ้างแล้วมันอัดอั้นมานาน”หนาวไหม” ผมละปากกระซิบข้างหูเธอ”ค่ะ นิดหน่อย ทั้งหนาว ทั้ง…อืม…” เสียงตอบแบบหอบกระเส่า ผมพลิกตัวกดร่างปุยนอนกับเสื่อ เสียงลมพัดใบสนเหนือร่างเรา ที่ด้านข้างคือแสงไฟของเมืองยามค่ำคืน ผมบดขยี้ริมปีปากเธอจนลิ้นแทรกสัมผัสลิ้นเธอ เธอเริ่มดูดลิ้นผมกลับ อย่างที่บอกปุยเป็นเด็กฉลาดเรียนรู้ไว ผมดึงสายเสื้อในออกจากไหล่ ดึงให้ยกทรงพ้นสองเต้า ผมกุมก้อนเนื้อนมอย่างเบามือ ค่อยๆ กดคลึงมันในอุ้งมืออีกครั้ง ก่อนละเลงด้วยปลายลิ้น ผมดึงถุงนอนมาคลุมท่อนบนเธอ ผมไล่เลียหน้าท้องใต้ถุงนอน ผมดึงกางเกางวอร์มและกางเกงในเธออกพร้อมกัน เธอหนีบขา แต่ผมใช้มือจับที่เข่าเธอแยกออกช้าๆ ขนเส้นเล็กไม่ดกหนา ร่องกลีบแน่น อูม ผมแยงลิ้นตวัดร่องเสียวเธอ”ครู ขา..นะ หนู เสียว อย่าค่ะ” สะโพกแอ่นกระดกทุกครั้งที่ลิ้นผมแยงเข้ากลีบสวาท สัมผัสติ่ง ผมละเลงลิ้นกับหอยกาบสักพัก ผมปลดกางเกงตัวเองออก น้องชายลำเขื่องสัมผัสสายลมที่พัดเป็นระลอก ผมเงยหน้า ริมฝีปากผมเปรอะไปด้วยน้ำเมือกมันวาว ปาดริมฝีปากตัวเอง เลิกผ้าที่คลุมร่างเธอ คร่อมร่างเธอ ยื่นหน้าจูบปากเธออีกครั้ง เธอสนองกลับด้วยการควานลิ้นเข้ามาในช่องปากผม ผมหย่อนช่วงสะโพกระหว่างขาเธอ วางลำชะโดนาบกับกลีบหอย คงด้วยความอุ่นของแท่งทวน ปุยสะดุ้ง เอามือยันที่แผงอกผม เสียงอู้อี้ในลำคอเพราะผมยังดูดลิ้นเธออย่างเมามัน ผมยกสะโพกเลื่อนปลายหัวหำลำชะโด จ่อที่ร่องหอย”โอ๊ะ..คู..ครูขา” ทันทีที่กดลงแท่งลงปุยดันไหล่ผม ผมหันมาดูดหัวนมเธอเบาๆ ใช้ลิ้นตวัดเลียบ้าง ” ครู…..” ปุยหลับตา แต่กอดหัวไหล่ผมกึ่งท่าผลัก ท่ากอด ผมจ่อวนปลายหัวเห็ดกับแยกเสียวไปมาสักพักรอให้มีทั้งน้ำลายชะโดและน้ำหอยละเลงลื่น เสียงลมหายใจกระเส่าเสียวแว่วมา ผมจึงเสยหัวชะโดแทรกกลีบเนื้อที่แสนนุ่ม ตึง แน่น มันชำแรกลงไปอย่างช้าๆ”โอย…คู..รู…รู หนู” ปุยลืมตามองหน้าผม ปากเธอเม้มเข้าหากัน มือดันอกผมด้วยแรงเบา ผมมองหน้าเธอขณะค่อยๆ ดันแท่งทวนความยาวหกนิ้วกว่า”คู…ขา มันแน่นคะ ..อืม เอาออกก่อน” ปุยกัดฟัน หน้าเหยเกของปุยยิ่งทำให้ผมอยากดันหัวจรวดที่ความอ้วนรอบดอกเห็ดขนาดลูกกอล์ฟ ปุยดันหน้าท้องผมขยับตัวหนี ผมเลยแช่ไว้ก้มตัวไซร์กลางอก ตวัดลิ้นกับหัวนม เพื่อให้เธอผ่อนคลาย สักพักอาการเกร็งซึ่งรู้สึกได้จากร่องเนื้อที่ผ่อนแรงต้านการทะลวง เหลืออีกครึ่งที่ต้องเอาให้มิด ผมสอดแขนโอบหลังเธอ กอดปุยแน่นขึ้น ดูดเม้มเนินอกขาว ผมจัดท่าตัวเอง ให้พร้อมในท่านั่งกึ่งคุกเข่า แล้วยกร่างที่อ่อนระทวยขึ้นในอ้อมกอดผมทั้งๆที่แท่งยังเสียบคาอยู่ครึ่งหนึ่ง พอยกตัวเธอได้ผมค่อยๆ ปล่อยให้น้ำหนักตัวเธอลงบนหน้าขาผม ผมรั้งเอวเธอช่วย”โอย..ซี๊ดส์…ครู” ร่างเธอทิ้งลงมาบนหน้าขาผมโดยมีผมกอดไว้ ร่องสวาทสาวที่แน่นสวมลำชะโดผมจนมิด ปุยจะลุกแต่ผมกอดเธอไว้ หน้าผมตรงกับเนินอกเธอพอดี ผมเลยซุกไซร์ละเลงลิ้นที่เนินเต้า โฉบฉวัดตวัดหัวนม”อือ..ครู….หนู” นิ้วที่กดบนไหล่ผมค่อยผ่อนลง ไม่ต้องขยับสะโพกแต่ผมก็เสียวลำผมเพราะแรงหนีบจากอาการเกร็ง เมื่อปุยคลายจากอาการถูกชำแรกรักครั้งแรก ผมมองหน้าเธอ แม้ว่าผมจะเปิดบริสุทธิ์มาหลายคน แต่กับปุยเป็นคนล่าสุดซึ่งผมประทับใจ เธอกึ่งกล้า กึ่งกลัว บางคนนอนนิ่ง แต่ปุยอยากที่จะเรียนรู้มัน ตอบสนองเรียนรู้ไว บางคนผมต้องใช้เวลาแหกขาความกลีบหอยอยู่นาน แต่สำหรับปุยด้วยสัญชาติญาณ ทำให้ผมไม่รู้สึกว่าผมฝืนบังคับใจ”แล้วเจ็บอยู่ไหม” ผมมองหน้าเธอ”ไม่ค่ะ แค่รู้สึกแน่นๆ””ครู ของครูใหญ่จัง ปุยแน่นไปหมด ผู้ชายคนอื่นจะใหญ่แบบนี้เปล่า””ไม่รู้สิ วันหลังมีแฟนแล้วบอกครูด้วยนะ” ผมกลับมาเรียกตัวเองว่าครู ไม่รู้สิแต่มันช่วยให้หื่นมากขึ้น”ครูอ่ะ หนูจะอยู่กับครูคนเดียว” หน้าเธอแดงเป็นลูกตำลึงสุก ผมยิ้ม ผมค่อยๆโน้มตัววางแผ่นหลังเธอลงกับพื้น”ช้าๆ นะ” ผมกระซิบบอกเธอ เมื่อปุยพยักหน้าผมค่อยดึงลำทวนออกช้าๆ แล้วเสียบกลับช้าๆ อารมณ์เสียวทำให้จังหวะเร่งขึ้นจนผมเสียวสะท้านสุดทานทน “ครู….ครู ….หนู ฮูยยยย” เสียงเธอเรียกผมตลอดเวลาที่ผมเร่งลูกสูบ แบบชักเข้าออก ถึงจุดนี้ผมลังเลที่จะเร่งเพื่อปล่อยน้ำเงี่ยนหรือจะลดจังหว่ะเพื่อต่อเวลาความเสียว แต่ด้วยความอยากต่อเนื่องกับอารมณ์ร่วมที่ปุยมีให้ ผมเดินหน้าซอยเอวกระเด้าชะโดเสียบหอยเข้าออก จนฟองฟอดเหนอะหน้าขา “ปุย…จ๋า..” ผมประกบปากเธอเพราะรู้ว่าผมจะพุ่งน้ำเงี่ยนภายในไม่กี่นาที ผมแยงลิ้นเข้าร่องปากปุย ปุยดูดลิ้นผมแรงมาก เธอกอดผมแน่น พอกับที่ผมกอดเธอในจังหว่ะที่น้ำเงี่ยนผมพร้อมจะพวยพุ่ง”อือๆๆ” เสียงเสียวจากลำคอ ผมมองหน้าเธอผมอยากเห็นหน้าเธอตอนที่หอยเธอรับน้ำเชื้อผู้ชายครั้งแรก “คู…โอย” หน้าเหยเก ตาปรือปุยมองมาที่ผม ในจังหวะที่ผมกระแทกเอวส่งน้ำเชื้อ หน้าท้องเธอเกร็งแขม่ว ปุยไขว้ขารัดเอวผมแน่น เสียงหอบเราดังใกล้ๆกัน ขณะที่ผมยังขมิบพ่นน้ำเงี่ยนกระฉูดในร่องเสียวเธอ อีกสามสี่ระลอก “ร้อนวาบเลยครู” เธอยิ้มขณะที่ผมหอบ ผมนอนกกเธอไว้จนความเร่าร้อนเราซึมหายไปกับความหนาว ผมจึงอุ้มเธอเข้ามานอนในเต้นท์ ผมรู้สึกอีกทีเพราะแสงจากข้างนอกสว่างเข้ามา ร่างเปลือยนอนคุดคู้ข้างผมใต้ถุงนอนผืนใหญ่”ครู หนูแสบ..” เสียงพึมพำขณะพลิกตัวผมจับเธอมาโอบกอดไว้”มากไหม””นิดหน่อยค่ะ”กลิ่นสาบ กลิ่นความทำให้อารมณ์ผมปะทุ ผมจับมือเธอมาวางไว้ที่หว่างขา ชะโดตัวใหญ่กำลังเริ่มพองใต้ถุงนอนสักพักปุยจะซักมือออก ผมบอกให้จับไว้ ผมขมิบเพื่อให้งวงกระดิกตัวเอง”หือ นิ่มจัง” ปุยหัวเราะ และเริ่มกล้าที่จะคลำมัน”หือ…แข็งแล้ว…แต่หนูไม่เอานะ หนูยังแสบอยู่เลย” …. เช้าวันนั้นผมเลยสอนให้เธอใช้ปากแทน แต่ช่วงบ่าย…คิดว่าจะรอดผมเหรอ เป็นปีใหม่ที่ดื่มด่ำที่สุด ผมพาเธอเข้าไปเที่ยวในป่าที่ๆ ผมสำรวจสำหรับทำถนน ท่ามกลางวิวสวยๆ เราสมสู่กันถ้ามีเวลาจะเล่าวันเด็กครับ ครูใหญ่ให้ผมพาปุย และเพื่อนเธออีกสองคนไปประกวดแต่งเรียงความที่เชียงใหม่ เล่นเอาซะเกือบคุก คุก คุก …..